วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช . ) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ . แจ้งวัฒนะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แถลงข่าวหลังการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการพัฒนายุทธศาสตร์พัฒนาหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามแผนพัฒนาปี พ . ศ . 2555 – 2559 โดยให้ประชนชนได้การบริการสุขภาพถ้วนหน้า โดยมียุทธศาสตร์ 5 ยุทธศาสตร์คือ 1. เสริมสร้างกลไก ความเข้มแข็งและกลไกการเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพ 2. พัฒนากระบวนการทำงานกันร่วมกันกับภาคีเครือข่ายองค์กรสุขภาพ 3. สร้างความเข้มแข็งและบริการในระบบสาธารณสุขด้านปฐมภูมิ 4. หนุนระบบประกันสุขภาพทุกระบบให้สอดคล้องกันมีสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน 5. เสริมสร้างและพัฒนาธรรมมาภิบาลด้านการประกันสุขภาพ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า นอกจากนี้มติที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เห็นชอบการเพิ่มสิทธิประโยชน์การผ่าตัดปลูกถ่ายตับในเด็กอายุ ไม่เกิน 18 ปี สำหรับผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคท่อน้ำดีตีบตันแต่ต้นกำเนิด ที่ทำให้เกิดภาวะตับวาย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ . ศ . 2554 นี้เป็นต้นไป ซึ่งผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคท่อน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด มีอุบัติการณ์ประมาณ 1 ใน 15,000 ของทารกคลอดชีวิต ( 0.007% ) และจากการประมาณการพบว่ามีเด็กแรกเกิดในประเทศไทยราว 60-80 ราย ต่อปีที่ป่วยเป็นโรคตีบตันตั้งแต่กำเนิด ในจำนวนนี้ร้อยละ 50 มีความจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ โดยการผ่าตัดแต่ละรายมีค่าใช้ใช้จ่ายประมาณ รายละ 1 ล้านบาท และ ค่ายาที่ต้องใช้หลังการผ่าตัด 1.4 แสนบาท ต่อคนต่อปี ปัจจุบันมีโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ 4 แห่ง ที่สามารถให้บริการผ่าตัดปลูกถ่ายตับในเด็กได้รวมประมาณ 40 ราย ต่อปี ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่และโรงพยาบาลศิริราช
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: MCOT, กรุงเทพธุรกิจ